สินค้ามาตรฐานส่งออกยุโรป และ มาตรฐาน CE คืออะไร ?
มาตรฐาน CE (CE Strandard) เป็นสัญลักษณ์มาตรฐานสากลชนิดหนึ่ง ที่มาจากยุโรป มาจากภาษาฝรั่งเศษ “Conformité Européene” หรือเมื่อแปลเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษแล้วเป็น “European Conformity” ซึ่งในครั้งแรกจะใช้สัญลักษณ์ “EC” และถูกเปลี่ยนสัญลักษณ์ “CE” ในปี ค.ศ. 1993
การที่มีสัญลักษณ์ CE (CE Marking) ติดอยู่ในสัญลักษณ์ นั่นแสดงถึงการประกาศว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดที่สำคัญของกฎหมายด้านสุขภาพความปลอดภัย และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางสหภาพยุโรปได้เปิดตัว มาตรฐาน CE เพื่อให้การค้าระหว่างประเทศระหว่างประเทศสมาชิกมีความง่ายขึ้น เอื้อต่อการไหลเวียนของสินค้าอย่างเสรีใน EFTA & European Union (EU)
ประเภทสินค้าที่ต้องมีสัญลักษณ์มาตรฐาน CE
สัญลักษณ์ CE นั้นจำเป็น ถ้าต้องการจะส่งสินค้าออกจำหน่ายในกลุ่มประเทศ EU และ EFTA ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์อยู่ 20 กลุ่ม
- อุปกรณ์เครื่องใช้ที่ใช้พลังงานก๊าช – เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้ใช้สำหรับ ปรุงอาหาร การให้ความร้อน ผลิตน้ำร้อน ทำความเย็น ให้แสงสว่าง โดยใช้เชื้อเพลิงก๊าซในการทำงาน
- อุปกรณ์สายเคเบิ้ลที่ใช้สำหรับบรรทุกผู้โดยสาร – หรือกระเช้าลอยฟ้าที่ใช้สำหรับบรรทุกบุคคล
- อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำ – หมายถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้แรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 50V ~ 1000V สำหรับกระแสสลับ และ 75V ~ 1500V สำหรับกระแสตรง ซึ่งรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน และเครื่องมือช่างที่ใช้ไฟฟ้า อาทิเช่น รอกสลิงไฟฟ้า เครื่องเชื่อมไฟฟ้า
- ผลิตภัณฑ์สำหรับการก่อสร้าง – หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง อาคาร รวมถึง งานวิศวโยธา
- อุปกรณ์และระบบป้องกันสำหรับการใช้ในบรรยากาศที่อาจจะเกิดการระเบิดขึ้นได้
- อุปกรณ์ – เครื่องจักร เครื่องมือ ทั้งติดตั้งอยู่กับที่และเคลื่อนที่ อุปกรณ์ควบคุม เครื่องมือวัด ระบบตรวจจับหรือป้องกัน เพื่อจุดประสงค์ในการผลิต ถ่ายโอน จัดเก็บ ตรวจวัด ควบคุม และแปลงพลังงาน ที่สามารถเกิดการระเบิดขึ้นได้
- ระบบป้องกัน – หน่วยที่ใช้ในการหยุดการระเบิดโดยทันที หรือจำกัดพื้นที่ของการระเบิด
- ส่วนประกอบ – คือส่วนประกอบใดๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของอุปกรณ์และระบบป้องกัน
- วัตถุระเบิดสำหรับพลเมืองใช้ – ตัวอย่างเช่น ดอกไม้ไฟ
- ภาชนะหุงต้มน้ำร้อน – หรือหม้อต้มที่ใช้เชื้อเพลิงเหลว หรือเชื้อเพลิงแบบก๊าซ โดยมีกำลังไฟฟ้าประมาณ 4 kW ~ 400 kW
- ลิฟท์สำหรับขนส่งสินค้าและคน
- เครื่องจักรทุกชนิด – ที่มีส่วนประกอบในการใช้ในการแปรรูป รักษา เคลื่อนย้าย และการบรรจุหีบห่อวัสดุ
- เครื่องมือวัด (Measuring Instruments)
- เครื่องมือทางการแพทย์ – ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงซอฟต์แวร์ ที่มีใช้ไว้ในการวินิจฉัย ติดตามการรักษา และบรรเทาอาการของโรค
- อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ฝังใช้งานภายในร่างกายได้
- อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่วินิจฉัยในหลอดทดลอง – เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการตรวจชิ้นเนื้อเยื่อตัวอย่าง เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูล เกี่ยวกับสภาวะทางสรีรวิทยา พยาธิสภาพ ความผิดปกติแก่กำเนิด ตรวจสอบความปลอดภัยและความเข้ากันได้ และเพื่อติดตามมาตรการบำบัด
- เครื่องชั่งแบบไม่อัตโนมัติ – เครื่องมือวัดมวลของร่างกายโดยใช้การกระทำของแรงโน้มถ่วงบนร่างกาย เพื่อกำหนดขนาด ปริมาณ หรือคุณสมบัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับมวล
- อุปกรณ์วิทยุและการสื่อสาร – ผลิตภัณฑ์หรือส่วนประกอบ ที่สามารถสื่อสาร และปล่อย-รับคลื่นวิทยุ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้สามารถสื่อสารได้ หรือส่วนประกอบที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะ
- อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล – อุปกรณ์หรือเครื่องใช้ใดๆ ที่ออกแบบให้บุคคลสวมใส่ เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย
- อุปกรณ์ที่รับแรงดันธรรมดา – หมายถึงภาชนะเชื่อมใด ๆ ที่ใช้ในการบรรจุอากาศ หรือไนโตรเจน ที่มีความดันภายในมากกว่า 0.5 บาร์
- อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับแรงดัน – อุปกรณ์แรงดัน รวมถึงองค์ประกอบที่ติดอยู่กับชิ้นส่วนที่มีแรงดัน เช่น หัวฉีด ข้อต่อ วาล์วนิรภัย สวิทช์แรงดัน
- อุปกรณ์ที่มีวัตถุประสงค์ด้านกีฬาและพักผ่อน เช่น เรือทุกประเภทที่มีความยาวเรือตั้งแต่ 2.5 – 24 เมตร
- ของเล่น – กล่าวถึงของเล่นที่ออกแบบและทำจากวัสดุที่ใช้สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 14 ปี
CE Marking คือการทำสัญลักษณ์พิสูจน์ว่าสินค้านั้นสอดคล้องรองรับต่อรายการทั้งหมดที่จำเป็นตามข้อบังคับ EC กล่าวคือ CE Marking คือพาสปอร์ตสำหรับสินค้าภายในภูมิภาค EUสินค้าที่มีสัญลักษณ์ CE Marking จะสามารถกระจายสินค้าในภูมิภาค EU ได้อย่างอิสระ เครื่องจักรที่ส่งออกไปยังประเทศภายในภูมิภาค EU จำเป็นต้องสอดคล้องตามข้อบังคับที่เกี่ยวกับเครื่องจักร ข้อบังคับEMCและข้อบังคับ LVD เป็นต้น
โดยทั่วไปสินค้าในตลาดจะมีราคาแปรผันไปตามระดับคุณภาพสินค้า นั่นคือสินค้าคุณภาพสูงย่อมมีราคาสูงกว่าสินค้าคุณภาพต่ำ คุณภาพของสินค้าแต่ละประเภทมีความหลากหลาย และแตกต่างกันมาก สินค้าบางอย่างที่จำหน่ายในท้องตลาดอาจจะไม่มีคุณภาพ หรือมีคุณภาพต่ำไม่เหมาะสมกับราคา ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสินค้าขึ้น เพื่อควบคุมคุณลักษณะและคุณสมบัติต่างๆของสินค้า ให้ได้คุณภาพก่อนจัดส่งไปขาย ในยุโรป อย่างไรก็ตาม มุมมองผู้บริโภคและผู้ผลิตในแง่ของคุณภาพก็ยังมีความแตกต่างกันมีดังต่อไปนี้
ในมุมมองของผู้บริโภค คุณภาพที่ดีหมายถึง
- ผลิตภัณฑ์คุ้มค่ากับเงินที่ผู้บริโภคจ่ายเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์นั้นมา
- ผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้ดีตามข้อกำหนดที่ระบุไว้
- ผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้
- ผลิตภัณฑ์ต้องมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม
- ผลิตภัณฑ์มีความคงทน ให้สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม หรือตามอายุการรับประกันของสินค้า
- ผลิตภัณฑ์สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ใช้ ทำให้อยากใช้ทุกครั้งที่เห็น
ในมุมมองของผู้ผลิต คุณภาพที่ดีหมายถึง
- การออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องดี และสามารถผลิตได้จริง
- ขั้นตอนการผลิตถูกออกแบบอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก
- การผลิตสามารถควบคุมได้อย่างถูกต้อง และไม่ยุ่งยาก ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่แตกต่างจากมาตรฐานที่ตั้งไว้
- การผลิตมีของเสียอยู่ในช่วงระดับที่กำหนดไว้ หรือน้อยกว่าที่กำหนด
- การผลิตที่มีระดับต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้สามารถตั้งราคาในระดับที่แข่งขันได้
จะเห็นได้ว่าลูกค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพก่อนจะการตัดสินใจซื้อสินค้าและประเมินคุณภาพสินค้าอีกครั้งหลังการใช้งานสินค้านั้น ด้วยเหตุนี้การเลือกซื้อสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานส่งออกยุโรป ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของลูกค้าที่สร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้า ก่อนการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางคุณภาพสินค้าที่หลากหลายมากมายในตลาด คุณภาพต่ำ – สูง ณ ปัจจุบัน
ทีมา: Wikipedia