เกรียงมิเนียมขัดปูน พร้อมกระดาษทรายหลังสักหลาด

• เหมาะสำหรับงานขัดปูน
• เม็ดทรายไม่อุดตันขณะขัด
• กระดาษทรายมีความเหนียวไม่ฉีกขาดง่าย

รายละเอียด

• เกรียงมิเนี่ยมขัดปูน มาพร้อมกับกระดาษทรายขัดแห้งหลังสักหลาด (Anti Clogging)
• มีคุณสมบัติพิเศษที่ใช้ขัดปูน
• สะดวกสลับเปลี่ยนกระดาษทรายด้วยตีนตุ๊กแกได้อย่างรวดเร็ว ทน คุ้มค่า คุ้มราคา
• นอกจากขัดปูนแล้ว ยังใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น ขัดสี,ขัดไม้เนื้อแข็ง,ขัดเหล็ก และ ขัดงานเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

การบำรุงรักษา

• ควรเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน
• การผสมปูนจำนวนมากไม่ควรใช้เกรียงผสม ให้ใช้พลั่วหรือจอบแทน
• ไม่ใช้เกรียงเคาะหรืองัดแงะปูน จะทำให้เกรียงหักได้
• ระมัดระวังอย่าให้หน้าเกรียงเกิดรอยขรุขระ เมื่อนำไปปาดหน้าจะเกิดรอยที่ผิวคอนกรีต
• หลังจากใช้บรรทัดถือปูน ต้องล้างหรือทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง
• ควรเก็บรักษาเกรียงเหล็กด้วยการทาน้ำมันเคลือบบางๆ เสียก่อน

คุณสมบัติ

วิธีขจัดสีเก่าออกก่อน ทาสีใหม่

ก่อนจะทาสีใหม่นั้น หากเป็นไปในทางที่ถูกต้อง ควรขจัดสีเก่าออกก่อนเสมอ ไปงั้นจะก่อให้เกิดปัญหาการยึดติดของสีที่ไม่ดีนัก จะทำให้เกิดการหลุดล่อนในภายหลังได้ เราจึงควรทำการเครียสีเก่าออกให้หมดเสียก่อน โดยมีขั้นตอนวิธี ดังนีี้

1. การขูดสี ก่อนจะขูดสีได้ ต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือช่วย นั่นคือ เกรียง เกรียงสำหรับขูดสี และเกรียงสำหรับกบขูดสี การขูดสีจะเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก ผิวงานเรียบ แต่หากกรณีที่สีติดแน่นมาก อาจเริ่มจากการใช้กบขูดสีแบบฟันเลื่อยขูดผิวสีให้เป็นขุย แล้วตามด้วยกบขูดเรียบ และกระดาษทรายขัดแต่งเรียบ
2. พ่นด้วยความร้อน ใช้อุปกรณ์เตาฟู่หรือตะเกียงฟู่ หรืออาจเป็นเปรวไฟพ่นสำหรับการเชื่อมก๊าซความร้อน เมื่อสีโดนความร้อนจะเกิดการพองตัว ย่นเหลว จากนั้น ให้ทำการขูดกับเกรียงขูดสีอีกครั้ง วิธีนี้ จะช่วยลดแรง และเวลา ในการขูดสีแบบทั่วไปดีกว่าเดิม
3. สารเคมีลอกสี เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงให้มากมาย เพียงแค่ใช้น้ำยาสารเคมีทำการลอกสี จากนั้นใช้เกรียงขูดสีที่ยังคงตกค้างอีกครั้ง วิธีนี้ ถึงจะง่ายและลดต้นทุน แต่ก็ควรระวังความปลอดภัยไว้ด้วย เนื่องจากสารเคมีดังกล่าวมีอันตรายกับผิวหนังเป็นอย่างมาก ควรสวมใส่ถุงมือ ให้มิดชิด

กรณีทาสีใหม่ ทับสีเดิม

1. พิจารณาพื้นผิวเดิม การทาสีบ้านใหม่ โดยไม่ได้ขูดสีเดิมออก สามารถทำได้ แต่ต้องตรวจเช็คสภาพสีเดิมก่อน ว่ามีสภาพดี ไม่หลุดลอกอาจมีแค่ความหม่นหมอง ให้ทำการล้างพื้นผิวผนังสีบ้านออกใหม่ให้สะอาด จากนั้นรอให้แห้งสนิทก่อน อาจทิ้งระยะเวลาไว้พอสมควร ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แห้งดีเมื่อไหร่ สามารถทาทับได้ทันที โดยไม่ต้องทา รองพื้น ทั้งนี้ การทาสีทับสีเดิม ข้อควรระวังก็คือ การใช้ทินเนอร์ เนื่องจากทินเนอร์มีผลต่อการละลายของสี อาจส่งผลให้สีเดิมเกิดการย่นพองตัวได้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น จำเป็นต้องขูดสีเพื่อเคลียพื้นผนังให้เกลี้ยงก่อน
2. พื้นผิวเดิม มีสีหลุดลอก หากเกิดกรณีเช่นนี้ จะไม่สามารถทาสีทับได้ทันที จำเป็นต้องขจัดสีเดิมออกให้หมด โดยดูข้อมูลการขจัดสีเก่าในข้างต้นนี้

เตรียมพื้นผิวบ้าน ก่อนการทาสี

1. ผนังปูนฉาบ ผนังคอนกรีต หากกรณีพื้นผิวผนังชำรุด จำเป็นต้องซ่อมแซมก่อนเสมอ ทำการล้างทำความสะอาดจุดดังกล่าว หากมีรอยแตกร้าว รอยเจาะ ให้ทำการโป๊ด้วยปูนทรายหรือยิปซัมพลาสเตอร์ ใช้เกรียงโป๊สี หรือเกรียงใบโพธิ์ กดอัดแต่งผิวให้เรียบ ส่วนกรณีผนังแตกร้าว จำเป็นต้องเปิดรอยแตกร้าวนั้นให้กว้างประมาณ 1-2 นิ้ว ยาวตลอดรอยแยกลึกเท่าความหนาเดิม พรมน้ำให้ชุ่ม จากนั้นทำการฉาบปูนทับ รอจนกว่าแห้งถึงจะสามารถทาสีใหม่ได้
2. พื้นผิวไม้ ในที่เป็นไม้นี้ อาจนำความรู้ส่วนนี้ไปประยุกต์ใช้กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็ได้ วิธีการโดย ทำความสะอาดผิวไม้ก่อน และหากผิวไม้มีการชำรุด ให้โป๊อุดด้วยขี้เลื่อย ผสมกาวลาเท็กซ์ แต่งผิวหน้าให้เรียบด้วยเกรียงขูดสี ทิ้งให้แห้งแล้วใช้กระดาษทราย ขูดผิวให้เรียบอีกครั้ง คุณอาจต้องสังเกตรอยชำรุดด้วย หากยังคงมีอยู่ก็ให้กลับสู่ขั้นตอนเดิม นั่นคือ การอุดรอยตำหนิด้วยขี้เรื่อยผสมกาวลาเท๊กซ์
3. พื้นผิวโลหะ กรณีผิวโลหะ ทำการตรวจสอบทุกซอกมุม แน่นอนว่า หลังน้ำท่วม ปัญหาหนึ่งจะตามมาสำหรับโลหะ นั่นคือ การขึ้นสนิม หากพื้นผิวขึ้นสนิม ให้ทำการใช้น้ำยาขัดสนิม และขัดด้วยกระดาษทราย ให้ดูเรียบ ถึงจะสามารถทาสีทับได้

เคล็ดลับการเลือกสีทาบ้านให้เหมาะสมและลงตัว

1.พิจารณาจากแสงสว่างภายในบ้าน : สำหรับท่านที่ต้องการให้บ้านดูสว่างสดใส ควรเลือกสีทาบ้านเป็นสีขาว หรือสีอ่อน ๆ อย่างสีครีม สีเบจ หรือสีโอลด์โรส และทำให้บ้านดูกว้างขึ้น ไม่ควรใช้สีโทนนี้กับห้องใต้ดินหรือบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพราะจะยิ่งทำให้บ้านหรือห้องของคุณดูสลัวและให้ความรู้สึกหดหู่มากขึ้น กรณีัที่บ้านของคุณดูกว้างเกินโล่งเกินไป การเลือกสีทาบ้านโทนสีเข้มอย่างสีน้ำตาล สีดำ หรือสีน้ำเงิน ก็สามารถมาช่วยแก้ไขจุดนี้ได้ ทำให้บ้านของคุณดูลงตัวยิ่งขึ้น

2.สีทาบ้านสีกลางๆอาจเป็นสีที่ไม่เหมาะกับบ้านเสมอไป : หลายท่านอาจคิดว่าการทาสีบ้านเป็นสีกลางๆ อย่างสีเบจ สีน้ำตาล้อมเทา หรือสีเทา เป็นสีที่ตกแต่งบ้านได้ง่ายที่สุด เพราะเป็นสีที่เข้ากับสิ่งอื่นๆได้ง่าย แต่ในบางครั้งสีกลางๆก็อาจทำใ้ห้มองดูน่าเบื่อ การเลือกสีทาบ้านให้เข้มขึ้นหรือเลือกผสมสีให้ได้โทนใหม่ก็อาจเป็นอีกทางเลือกให้บ้านของคุณดูสดใส มีชีวิตชีวามากขึ้น

3.ตรวจสอบสีที่เลือกให้แน่ใจเสียก่อนที่จะซื้อ :หลังจากตัดสินใจเลือกสีทาบ้านได้แล้ว อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจซื้อเพราะมีหลายท่านที่รีบตัดสินใจซื้อแล้วสีที่ได้ไม่ใช่สีที่ตัวเองต้องการ เพราะสีทาบ้านแต่ละยี่ห้อแต่ละแบรนด์ให้เฉดสีออกมาต่างกัน ฉะนั้นคุณควรทดสอบสีให้แน่ใจก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โดยการลองซื้อสีนั้นมาแล้วเพ้นท์ลงบนแผ่นตัวอย่างแล้วนำไปติดไว้บนผนังตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน หรือพื้นที่ที่คุณต้องการ แล้วทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 2 วันเพื่อสังเกตความเหมาะสมของสีตามการใช้งานจริง และดูการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสีด้วย หากได้ตามที่คุณต้องการก็ไปซื้อเลยค่ะ

4.เปรียบเทียบสีทาบ้านกับของต่างๆภายในบ้าน :การนำสีทาบ้านที่คุณต้องการมาเปรียบเทียบกับของต่างๆภายในบ้าน จะทำให้การตกแต่งบ้านของคุณดูลงตัวยิ่งขึ้น โดยการนำสีทาบ้านที่เลือกมาเทียบกับจุดต่าง ๆ ในบ้านของคุณ อาทิ พื้นบ้าน พื้นที่บริเวณข้างหน้าต่าง หลังงานศิลปะ และเทียบกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ อย่างเช่น ตู้โชว์ โซฟา เตียงนอน และควรนำไปเทียบตามช่วงเวลาต่าง ๆ ด้วยทั้งตอนเช้า ตอนกลางวัน ตอนเย็น และช่วงค่ำด้วยก็ยิ่งดี